DIARY ME

 สุดท้ายก็เหลือตัวคนเดียว

     เคยคิดว่าตัวเองนั้น ไม่มีทางที่จะถูก "ปล่อยทิ้งให้อยู่คนเดียว" แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย คนเราเกิดมาคนเดียวก็ต้องเดินคนเดียว และต้องตายคนเดียวแต่บางครั้งการที่ได้อยู่คนเดียว กลับฟุ้งซ่าน คิดนู่น ห่วงนี้ สารพัด แต่บางครั้งการที่อยู่คนเดียว ก็ได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงว่าเรา รักเค้าจริง ๆ หรือป่าวหล่ะไม่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ไม่มีใครคอยจูงมือ ให้รู้ไว้ว่าความเหงามันเดียวดาย ในฝูงชน มันเหงา ในความเฮฮา มันมืด ในความสว่างขนาดไหนกลับได้ไปคิดทบทวนว่าเขา คือส่วนเติมเติมเหล่านี้ไหม ความรักมันสั้น แต่มันก็หวานพอที่จะทดแทนความสั้น ความหลงมันยาว แต่มันก็ขมพอที่จะทดแทนความยาว แล้วเราหลงหรือรักเขากันแน่ แล้วเขาเป็นแค่เพื่อนหรือคนที่เรารักกันแน่ ช่วงเวลาที่ตอบได้ก็ต้องมีเวลาที่เปรียบเทียบตอนที่เราได้อยู่กับเขา และเราถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ความรู้สึกมันแตกต่างกันขนาดไหน บอกตัวเองเถิด และถ้ามันอ้างว้าง เหงา มืด ก็จงอย่าปล่อยให้แสงสว่างผ่านชีวิตคุณไปเลย....ขอร้องเพราะคุณคงต้องเผชิญโลกมืดอีกยาวไกลกว่าที่จะพ้นความมืดและสุดท้าย คุณจะต้องอยู่กับสิ่งที่คุณหนีมาตลอดนั่นก็คือ "ตัวคุณเอง"



                        ♥ ไม่มีความทุกข์ก็ไม่มีความสุข

      ช่วยกันฝึกตนเองให้มีนิสัยตรงไปตรงมา ตั้งใจพัฒนาตนและพัฒนางาน ลดความไร้สาระตามกระแสคนอื่น เรียนรู้จากความสำเร็จหรือล้มเหลวที่ผ่านมา ช่วยกันฝึกตนเองให้มีนิสัยตรงไปตรงมา ตั้งใจพัฒนาตนและพัฒนางาน ลดความไร้สาระตามกระแสคนอื่น เรียนรู้จากความสำเร็จหรือล้มเหลวที่ผ่านมา ฝึกตัวเองให้พูดน้อยลงและฟังให้มากขึ้น ฝึกจิตของตนให้พิจารณาไตร่ตรองก่อนที่จะบ่นหรือตอบโต้คนอื่น หมั่นนึกว่าชีวิตเราเกิดมาเพื่ออะไร ทำในสิ่งสมควรทำในวันนี้ ไม่ทวงบุญทวงคุณเอากับใคร นอกจากหมั่นสังวรณ์ว่าวันนี้เรายังมีชีวิตอยู่ที่จะเลือกทำในสิ่งที่ควรอย่างตั้งอกตั้งใจ

 ช่วงหนึ่งของกาลเวลา

       ช่วงหนึ่ง.. ของกาลเวลา เสียงเข็มวินาที ดังเคลื่อนดุจปลิดกาลเวลาทิ้งให้เหลือเพียงความว่างเปล่า  วันวานหลุดร่วง กลายเป็นอดีตที่เกลื่อนกราดในความทรงจำบ้างทับถม จนกลายเป็นตะกอนก้อน ประสบการณ์ นำพาคุณประโยชน์บ้างก็เป็นเพียง เศษเสี้ยว เรื่องราวในอดีต ที่ล่องลอยมิลืมเลือน 
หนึ่งช่วงเวลา ที่ผ่านปัจจุบัน ย่อมกลายเป็นอดีตในความจำแต่วันเวลา ช่วงหนึ่ง กลับดูคลายปัจจุบัน ตลอดเวลา มิกลายเป็นอดีต  ทั้งที่เข็มนาฬิกามิเคยหยุดนิ่ง และลำแสงแห่งตะวันยังคงเคลื่อนคล้อย จวบจน เมื่อทุกอย่างสิ้นสูญ ช่วงเวลาหนึ่งก็จักกลายเป็นอดีต โดยพลัน การที่ได้รู้จักใครซักคน วันพรุ่งนี้ คน ๆ นั้น ก็ยังคงเป็นปัจจุบันในกาลที่ผ่านเลย  เหมือนไม่อาจมีสิ่งใด มาแปรผัน จุดต่าง ที่เปลี่ยนแปลงแห่งวัฎจักร กาลเวลา จากวัน ล่วงเดือน จากเดือนนานนับจบขัย ความสัมพันธ์ที่คงมั่น จุดยืน อดีตและปัจจุบัน ดูจะมิต่างกัน บนเส้นทางมิตรภาพ และความผูกพัน ...แต่ทุกสิ่งย่อมมีจุดสิ้นสุด... เมื่อนิทานเรื่องหนึ่ง เดินทางไกลมาถึงจุด เจ้าชายและเจ้าหญิงอาจมิได้ครองคู่กัน การพลัดพรากจากลา เป็นดั่งสายลมที่ปลายปากกา มิอาจเขียนแต่ง แต่มีอยู่จริง เรื่องราว ที่เคยเป็นปัจจุบัน กลับกลายเป็นอดีต ดั่งปิดปกหนังสือหน้าสุดท้าย ความทรงจำ และประสบการณ์ จึงจักดำรงหน้าที่ แห่งกาลอดีต       เมื่อนิทานเรื่องหนึ่ง เดินทางไกลมาถึงจุด เจ้าชายและเจ้าหญิงอาจมิได้ครองคู่กัน การพลัดพรากจากลา เป็นดั่งสายลมที่ปลายปากกา มิอาจเขียนแต่ง แต่มีอยู่จริง เรื่องราว ที่เคยเป็นปัจจุบัน กลับกลายเป็นอดีต ดั่งปิดปกหนังสือหน้าสุดท้าย ความทรงจำ และประสบการณ์ จึงจักดำรงหน้าที่ แห่งกาลอดีต ตลอดไป.....



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Mushroom